นายกรัฐมนตรีพบองค์กรวิชาชีพสื่อ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสื่อมวลชน ยืนยันรัฐบาลให้เสรีภาพ แนะองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนมีความเข้มแข็งในกำกับดูแลจริยธรรมกันเอง
วันที่ 14 มกราคม 2554 เวลา 12.00 น.ที่สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะ พบผู้แทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน โดยนายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานกรรมการพัฒนาส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความรับผิดชอบสื่อมวลชน (คพส.)และคณะ ให้การต้อนรับโดยนายวิสุทธิ์ เป็นผู้กล่าวต้อนรับ การพบปะกันครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวระหว่างพบปะกับองค์กรวิชาชีพสื่อว่า ปัจจุบันนี้การปฏิรูปสื่อมีความคืบหน้ามาก หลังพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หรือ พ.ร.บ. กสทช.มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2553 นั้น ถือว่า เป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ยืนยันว่า รัฐบาลนี้ให้เสรีภาพกับการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน
ส่วน ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนซึ่งสำนักงานกฤษฎีกาอยู่ระหว่างปรับปรุงเพิ่มเติมนั้น นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยกรณีกำหนดให้ตั้งองค์กรเป็นนิติบุคคล เพื่อรับการอุดหนุนงบประมาณจากรัฐบาล ประเด็นนี้ อาจะมีผลต่อความเป็นอิสระของการประกอบวิชาชีพ แนะให้พิจารณากฎหมายขององค์กรอิสระอื่น ๆ เพื่อเป็นแนวทางด้วย
“ฝากให้องค์กรวิชาชีพสื่อมีความเข้มแข็งในการกำกับดูแลจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพสื่อ หากมีการละเมิดจริยธรรม เมื่อองค์กรวิชาชีพมีคำวินิจฉัยออกมา ควรเผยแพร่อาจจะในเว็บไซด์ หรือ สื่อสิ่งพิมพ์ ให้เป็นที่รับทราบร่วมกัน”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสื่อค้างที่สำนักงานคณะกรรมกฤษฎีกา คือ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนสื่อสร้างสรรค์และปลอดภัย พ.ศ….. ซึ่งร่างพระราชบัญญัตินี้เสนอให้ปรับแก้ไขเป็นการ”ส่งเสริมสนับสนุน” และเรียกร้องให้สื่อมวลชนมีส่วนสำคัญในการปฎิรูปประเทศไทยและบ้านเมืองเดินหน้าได้
Leave your response!